ครู
1.ครูคนแรกของมนุษย์ก็คือบิดามารดานั่นเอง เพราะฉะนั้นก่อนกระทำการใด ๆ ก็ดีควรบูชาบิดามารดาเสียก่อน
2.ครูประชาบาล คือครูผู้สั่งสอนให้แก่เราท่านได้อ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับสูงสุด ซึ่งในระดับนี้เรามีการไหว้ครูอยู่ประจำอยู่ทุกปีอยู่แล้ว
3.อุปัชฌาย์อาจารย์ คือครูผู้ซึ่งเป็นสงฆ์และทำการบวชเรียนให้แก่เราท่าน คนไทยเราถือมากเรื่องครูอุปัชฌาย์ผู้บวชใด้แก่กุลบุตรที่ใฝ่ในการบวชให้พุทธศาสนา ในขณะที่ยังครองผ้าเหลืองอยู่ ถึงแม้ลาเพศบรรพชิตก็ยังคงมีการบูชาอยู่ตลอดและไม่ว่าจะทำการสิ่งใดจะต้องบูชาเสียก่อน
4.ครูเทพ หรือพ่อแก่ หรือฤาษี คือบุคคลผู้ซึ่งถ่ายทอดและสั่งสอนวิชาการที่แยกแตกแขนงออกในแต่ละด้าน ซึ่งครูประเภทนี้อาจเป็นทั้งบุคคลธรรมดาหรือเป็นเทพก็ได้โดยบางคนอาจเรียกว่า พ่อแก่,พ่อครู,โหราจารย์,คุรุเทพ ก็ได้ สำหรับครูผู้ซึ่งละสังขารจากโลกมนุษย์ไปแล้วอาจเรียกว่าพ่อแก่,ฤาษี,ชีไพร,ชีวก,ปราชญ์,มุนี,โยคี เป็นต้น ซึ่งครูประเภทนี้มักมีชีวิตอยู่น้อยมาก ส่วนมากมักล่วงลับไปแล้วหรือไม่ก็เป็นจิตวิญญาณไปแล้ว พ่อแก่หรือฤาษีนี้มีอยู่ด้วยกันถึง 108 ตน อันคำว่า 108 นั้นหมายถึง มีอยู่มากมายเกินกว่าจะนับได้ถ้วน จึงได้ว่า 108 ตน เรียกว่า “ครูผู้รู้สรรพวิชาทั้งหมดทีมีมา” ซึ่งก็แล้วแต่แขนงวิชาที่แต่ละท่านจะถนัด
5.ครูช่างต่าง ๆ จะยอมรับนับถือองค์พระวิษณุกรรมว่าเป็นบรมครูแห่งวิชาการช่างต่าง ๆ โดยองค์พระวิษณุกรรมแต่เดิมเป็นบุตรของมนุษย์และเทวดา มีฝีมือในการก่อสร้าง หาผู้ใดเทียบได้ในโลกนี้ ความรู้ถึงพระอินทร์จึงลงมารับตัวขึ้นไปอยู่บนสรวงสวรรค์และให้เป็นผู้เนรมิตสร้างวิมานให้กับเทวดาชั้นผู้ใหญ่ และยังทรงได้รับการแต่งตั้งจากพระอินทร์ให้เป็นเทพเจ้าแห่งการช่างทั้งปวงอีกด้วย ดังเราจะได้แลเห็นรูปปั่นพระวิษณุกรรมทรงเครื่องอย่างเทวดามือถือจอบกับลูกดิ่ง ประดิษฐานอยู่ตามโรงเรียนเพาะช่างต่าง ๆ เกือบทุกโรงเรียน
6.ครูแห่งศิลป์ทั้งปวง นั้นคือองค์พระพิฆเนศวรผู้เป็นบุตรแห่งองค์พระอิศวรและพระอุมาเทวี เป็นเทพเจ้าแห่งศิลป์ทั้งปวง และยังเป็นเทพผู้ทรงปัญญา พระองค์ท่านมีพระเศียรเป็นช้าง งาหัก 1 ข้าง ด้วยปศุราม(องค์พระนารายณ์อวตาร) ใช้ปวาลที่ได้รับจากพระอิศวรขว้างใส่จึงหัก ทรงชุดกษัตริย์ มี4กร ลักษณะพุงพลุ้ยอันเป็นเครื่องแห่งความสมบูรณ์ มีนาคาแทนสายสินธุแห่งพระพราหมณ์ มีพาหนะชื่อพญามุสิกราชคอยรับใช้ พระพิฆเนศวรยังเป็นเทพเจ้าแห่งการบูชา คือก่อนจะทำการบูชาไม่ว่าพิธีการใดๆ ก็ตามต้องบูชาพระพิฆเนศวรก่อนทุกครั้ง แม้นกระทั่งก่อนจะเรียนวิชาการใด ๆ ก็จะต้องบูชาพระพิฆเนศวรก่อนเรื่อยไป
7.พระปัญจสิงขร ผู้เป็นครูแห่งเครื่องสายมโหรี พระปัญจสิงขรเป็นสารถีของพระอิศวรเจ้าและเมื่อทรงว่างจากการเป็นสารถีก็จะบรรเลงเพลงสายถวายองค์มหาเทพ จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าแห่งเครื่องดนตรีทั้งปวง พระปัญจสิงขรทรงชุดเทวดามียอด 5 ยอด กายสีขาว มี 4 กร ทรงถือพิณและบัณเฑาะว์ มักจะเห็นอยู่ด้านหน้าและเดินนำหน้าพระอิศวรคราวเสด็จออกจากวิมานทุกครั้ง
8.พระประโคนทัพ ผู้เป็นครูแห่งการดนตรีปี่พาทย์ ทรงครองเพศบรรพชิต นุ่งขาวห่มแบบฤาษี องค์สีเขียวมักมี 2 กร สัญลักษณ์คือ ตะโพนมีหน้าที่ตีกลองตะโพนถวายองค์พระอิศวรเวลาฟ้อนรำร่วมกับพระปัญจสิงขร ได้รับการพระราชทานพรให้เป็นครูใหญ่แห่งดนตรีปี่พาทย์ หากแม้นมีการไหว้ครูเกี่ยวกับเครื่องดนตรีจะขาดเสียมิได้
9.พระฤาษีประไลยโกฐ เป็นครูแห่งการร้องรำ ทรงครองเพศเป็นฤาษี แต่มีหน้าเป็นเนื้อ มีเขาเป็นวัวด้วยท่านกำเนิดจากวัวและกวาง แต่ได้บำเพ็ญจนคืนร่างเป็นมนุษย์ และได้ร้องเพลงอ้อนวอนพระอิศวรจนเสด็จมาประทานพรให้เป็นบรมครู แห่งการร้องทั้งปวง
10.พระพิลาพ เป็นครูแห่งการรำ-ฟ้อนละครต่าง ๆ พระพิลาปเป็นครู มีรูปกายเป็นยักษ์ชอบการฟ้อนรำถวายองค์พระอิศวร ๆ ทรงโปรดแต่งตั้งให้เป็นบรมครูแห่งโขนละคร การแสดงทั้งปวง หากมีพิธีเกี่ยวกับนาฎศิลป์ แล้วไม่เชิญท่านมาด้วย เห็นจะเป็นการไม่ถูกต้อง
11.พระเพชรฉลูกัณณ์ เป็นครูแห่งเวทมนต์ คาถาต่าง ๆ ทรงถือเพศเป็นโยคีมีตบะแรงกล้า เชี่ยวชาญพระเวทย์มนต์คาถา เลขยันต์ ต่าง ๆ ได้รับการยกย่องว่าเป็นครูของการเรียนคาถาอาคม
12.พระเวสสุญาณ เป็นครูแห่งโหราศาสตร์ทั้งปวง ครั้งพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระราม พระเวสสุญาณก็ลงมาเกิดเป็นพระยาพิเภก คอยช่วยเหลือพระราม พระเวสสุญาณทรงเครื่องอย่างเทวดา มี 2 กร ถือแว่นแก้วสุวรรณการณ์ ตรวจดูชะตามนุษย์เป็นผู้ช่วยพระพรหมลิขิตชีวิตมนุษย์ คนส่วนมักไม่ใคร่รู้จัก มักจะรู้จักแต่ในนาม...พญาพิเภกมากกว่า
13.พระฤาษีนารอด เป็นครูของฤาษีทั้งปวงทรงกำเนิดจากเศียรที่ 5 ของพระพรมธาดา ทรงเพศเป็นฤาษี พระฤาษีนารอดถือว่าเป็นฤาษีองค์แรกของไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใดหากไม่มีการเชิญท่านแล้วไซร้พิธีกรรมนั้นมักไม่สมบูรณ์
14.ครูศิลป์การต่อสู้ ในบรรดาเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ มีอยู่ 2 องค์คือพระขันธกุมารและพระอังคาร ทั้ง 2 พระองค์ ทรงเป็นบุตรองพระอิศวรผู้เป็นเจ้า แต่มิได้กำเนิดจากมารดา แต่ทรงกำเนิดจากพระอิศวรองค์เดียว (เทพเจ้ามิได้สมสู่ดั่งมนุษย์) ทั้งสององค์มีกร 2 กรบ้าง,4 กร บ้าง ส่วนพระเศียรพระขันธกุมารมี 5 เศียร ส่วนพระอังคารมีเศียรเดียว ทั้งสองพระองค์ทรงอาภรณ์แบบเทวะ ทรงอาวุธคือหอกเหมือนกัน พระขันธกุมารมีนกยูงเป็นพาหนะพระอังคารมีกระบือเป็นพาหนะหากแม้นมีการเชิญทั้ง 2 องค์ ให้มาร่วมพิธีกรรมด้วยมิได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้หรือสงคราม ห้ามเชิญ ยกเว้นหากมีการเชิญพระอิศวรมาด้วย จึงจะเชิญทั้งสองพระองค์มาจึงจะไม่เกิดโทษ
15.ครูผู้เป็นเทพเจ้าทั้งปวง หมายถึงผู้ที่มิได้ร่ำเรียนวิชาศิลป์ศาสตร์แขนงใด ๆ มา เพียงแต่ร่ำเรียนวิธีบำเพ็ญตบะ ญาณ หรือการประทับทรงแล้วนั้น จึงจะยึดเทพเจ้าทั้งหมดที่ตนนับถือหรือคิดว่าเก่งเพื่อมาเป็นครูอาจารย์ แต่มิได้เจาะจงหรือด้วยมิทราบว่าจะทำการเชิญองค์ใดเป็นครู จึงได้เชิญรวม
ที่มา http://www.parm78.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=386270&Ntype=6
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)